บทที่ 3
กิจกรรมระดมความคิดตามโมเดลปลาทู
(ตัวปลา)
ในกิจกรรมนี้จะเป็นการระดมความคิดเพื่อวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาและแนวทางการแก้ไขปัญหาตามจุดประสงค์ที่ได้จากการประชุมครั้งที่แล้วและคิดหาวิธีที่จะนำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่สู่คลังความรู้ต่อไป
โดยครั้งนี้ก็จะเป็นการจัดการประชุมเพื่อระดมความคิดตามแนวทางที่ได้กำหนดไว้
ดังนี้
ประธาน นายวัชระ พรหมลา
ได้กล่าวในที่ประชุมว่า
การจัดการประชุมครั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกคนช่วยกันวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหานั้นก็คือ
ปัญหานักเรียนขาดทักษะในการคำนวณโจทย์ทางฟิสิกส์
และก็หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว แล้วให้ทุกคนระดมความพร้อมเสนอออกมาในที่ประชุม
อันดับแรกจะเป็นการวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา
ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้นักเรียนขาดทักษะในการคำนวณโจทย์ทางฟิสิกส์
โดยมีการเสนอดังนี้
1.
นายบดินทร์ วงศ์หาโคตร
ได้เสนอว่า ในการคำนวณโจทย์ทางฟิสิกส์นั้นต้องอาศัยหลักการทางคณิตศาสตร์
ซึ่งถ้านักเรียนยังขาดความรู้และทักษะทางคณิตศาสตร์ก็อาจะทำให้การคำนวณโจทย์ทางฟิสิกส์มีปัญหาได้
2.
นางสาวอริสา บาศรี
ได้เสนอว่า
การอ่านโจทย์ปัญหาทางฟิสิกส์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญต้องอ่านให้เข้าใจและจับใจความสำคัญของโจทย์ให้ได้
ถ้านักเรียนอ่านด้วยความเร่งรีบก็จะทำให้ตีความหมายของโจทย์ออกมาผิดพลาด ทำให้ไม่สามารถแก้ไข้โจทย์ปัญหาได้อย่างถูกต้อง
3. นางสาวชุดดาพร มะลาศรี
ได้เสนอว่า
นักเรียนมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อวิชาฟิสิกส์เพราะนักเรียนอาจคิดว่าฟิสิกส์เป็นวิชาที่เข้าใจยากมีแต่การคำนวณ
จึงส่งผลให้นักเรียนไม่ตั้งใจเรียน ปัญหาที่ตามมาก็คือไม่เข้าใจในบทเรียนนั้น ไม่สามารถที่จะคำนวณโจทย์ทางฟิสิกส์ได้
4.
นางสาวนนท์ธิกานต์ โชติพรม
ได้เสนอว่า
ปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือวิธีการสอนที่ไม่น่าสนใจพอ ซึ่งอาจารย์ส่วนใหญ่มีการสอนแบบดั่งเดิม
เช่นการสอนที่ใช้การอ่านตามหนังสือ
โดยไม่สนใจว่าเด็กจะจดทันหรือเรียนรู้เรื่องหรือเปล่า
5.
นางสาวเปรมวดี ศรีจันทร์
ได้เสนอว่า
วิชาฟิสิกส์เป็นวิชาที่มีเนื้อหาค่อนข้างมาก
มีทั้งทฤษฎีและสูตรที่ต้องจำอีกมากมาย ซึ่งอาจจะทำให้นักเรียนทำความเข้าใจในเนื้อหาไม่ทันและเกิดปัญหาต่างๆตามมา
1. สาเหตุของปัญหาที่ทำให้นักเรียนขาดทักษะในการคำนวณโจทย์ปัญหาทางวิชาฟิสิกส์
คือ
1.1 นักเรียนยังขาดความรู้และทักษะทางคณิตศาสตร์
1.2 ปัญหาในการอ่านของนักเรียน
1.3 นักเรียนมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อวิชาฟิสิกส์
1.4 วิธีการสอนที่ไม่น่าสนใจของครูผู้สอน
1.5 ปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหาทางวิชาฟิสิกส์ที่ค่อนข้างมาก
อันดับต่อไปก็จะเป็นการหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา
ตามสาเหตุที่ได้ร่วมกันวิเคราะห์ออกมาทั้ง 5 ข้อนั้น
โดยมีการเสนอออกมาดังนี้
1.
นางสาวปริมประภา ปราสาน
ได้เสนอว่า
พยายามให้นักเรียนฝึกทำโจทย์ทางคณิตศาสตร์และโจทย์ทางฟิสิกส์บ่อยๆ
เพราะการทำโจทย์บ่อยๆจะทำให้นักเรียนมีประสบการณ์มากขึ้น
2.
นางสาวสุดารัตน์ หนูศรีแก้ว
ได้เสนอว่า
สอนให้นักเรียนรู้จักการอ่านที่ถูกต้อง อ่านให้เข้าใจ
รู้จักจับใจความสำคัญของโจทย์ปัญหาต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
3.
นางสาวนิตตยา ชุมจันทร์
ได้เสนอว่า ควรปรับทัศนคติที่ไม่ดีของนักเรียนที่มีวิชาฟิสิกส์โดยการจัดการเรียนการที่ดึงดูดความสนใจ
มีวิธีสอนที่หลากหลาย เสริมกิจกรรมที่เน้นให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง
4.
นางสาวกนกภรณ์ โพธิ์เขียว
ได้เสนอว่า ควรจัดการเรียนการสอนโดยมีกิจกรรมการทดลองเพื่อสร้างความรู้ด้วยตัวผู้เรียนเอง
การปฏิบัติกิจกรรมการทดลองของนักเรียนนับว่าเป็นหัวใจของการเรียนวิทยาศาสตร์
ซึ่งในการเรียนการสอนวิชาฟิสิกส์ก็เป็นเดียวกัน ดังนั้น
การวางแผนการดำเนินการปฏิบัติกิจกรรมการทดลอง
การวัดและประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรมการทดลองจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะส่งเสริมนักเรียนเรียนรู้วิชาฟิสิกส์ได้อย่างแท้จริง
5.
นายวัชระ พรหมลา
ได้เสนอว่า ให้มีการปรับปรุงแผนการสอนให้สอดคล้องกับผู้เรียน
มีความกะทัดรัดและชัดเจนในส่วนของเนื้อหาที่สำคัญ
ประธานได้กล่าวสรุปสิ่งที่ได้จากการประชุมว่า
ในการประชุมครั้งนี้เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา
โดยมีดังนี้
1. แนวทางในการแก้ไขปัญหา
1.1 พยายามให้นักเรียนฝึกทำโจทย์ทางคณิตศาสตร์และโจทย์ทางฟิสิกส์บ่อยๆ
1.2 สอนให้นักเรียนรู้จักการอ่านที่ถูกต้อง
อ่านให้เข้าใจ รู้จักจับใจความสำคัญของโจทย์ปัญหาต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
1.3 ปรับทัศนคติที่ไม่ดีของนักเรียนที่มีวิชาฟิสิกส์โดยการจัดการเรียนการที่ดึงดูดความสนใจ
มีวิธีสอนที่หลากหลาย เสริมกิจกรรมที่เน้นให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง
1.4 จัดการเรียนการสอนโดยมีกิจกรรมการทดลองเพื่อสร้างความรู้ด้วยตัวผู้เรียนเอง
1.5 ให้มีการปรับปรุงแผนการสอนให้สอดคล้องกับผู้เรียน
มีความกะทัดรัดและชัดเจนในส่วนของเนื้อหาที่สำคัญ
หลังจากมีการเสนอความคิดได้อย่างครบถ้วนตามประเด็นที่ตั้งไว้แล้ว
ประธานได้ให้ทุกคนเสนอความคิดว่าจะนำความรู้ที่ได้นี้ไปเผยแพร่สู่คลังความรู้ด้วยวิธีใด
โดยมีการเสนอดังนี้
นายบดินทร์ วงศ์หาโคตร
ได้เสนอให้ทำ Blogger
เพื่อที่จะได้นำความรู้ที่ได้นั้นไปเผยแพร่ ซึ่ง Blogger ก็เป็นทางเลือกที่ดี
Blogger คือเว็บไซน์สำเร็จรูปของทาง Google ที่ปล่อยให้บุคคลทั่วไปสามารถใช้เผยแพร่สิ่งต่างๆได้อย่างกว้างขวางบนโลกอินเตอร์เน็ตซึ่งเป็นคลังความรู้ที่ใหญ่ที่สุดและง่ายต่อการค้นหาสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะศึกษา
สมาชิกทุกคนในกลุ่มเห็นด้วยกับการนำ
Blogger
มาเป็นช่องทางในการเผยแพร่ความรู้สู่คลังความรู้บนโลกอินเตอร์เน็ตที่ใหญ่ที่สุด
1.
วิธีที่จะนำความรู้ไปเผยแพร่สู่คลังความรู้
คือ
การนำ Blogger
มาเป็นช่องทางในการเผยแพร่ความรู้สู้คลังความรู้บนอินเตอร์เน็ต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น